บริษัท วันสเปซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทในเครือกิจการและเครือธุรกิจเดียวกัน (“บริษัท”) มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กฎหมายลำดับรอง ประกาศ ระเบียบ แนวทางและ/หรือคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์และหลักปฏิบัติในการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและการคุ้มครองสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงขอประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อใช้บังคับกับลูกค้าและผู้ใช้บริการของบริษัท ดังนี้ และขอให้ลูกค้าและผู้ใช้บริการของบริษัท ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของนโยบายฉบับนี้โดยละเอียด
“การประมวลผล” หมายถึง การดำเนินการใด ๆ ซึ่งกระทำต่อข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดยวิธีการอัตโนมัติหรือไม่ เช่น การเก็บรวบรวม การบันทึก การแก้ไข การจัดระบบโครงสร้างการเก็บรักษาเปลี่ยนแปลงหรือปรับเปลี่ยน การรับ พิจารณา การใช้ การเปิดเผยไม่ว่าโดยการส่งต่อ โอน เผยแพร่ หรือการกระทำอื่นใดซึ่งทำให้เกิดความพร้อมใช้งาน การจัดวางหรือผสมเข้าด้วยกัน การจำกัด การลบ การทำลาย
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุไปถึง “เจ้าของข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject)” ได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงข้อมูลทุกประเภทที่สามารถบ่งชี้ตัวตน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง ข้อมูลออนไลน์ ข้อมูลเอกลักษณ์ทางกายภาพทางจิตใจ ทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม หรือข้อมูลอื่นใดที่สามารถระบุตัวตนได้ เป็นต้น (แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ)
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลประเภทพิเศษ ตามมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
“เครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน” หมายถึง กิจการที่ผู้ประกอบกิจการที่มีอำนาจควบคุมบริหารจัดการเหนือกิจการอื่น หรือกิจการที่ถูกควบคุมโดยผู้ประกอบกิจการที่มีอำนาจเหนือกิจการอื่น ในรูปแบบบริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม หรือบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกันทางกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกันเนื่องจากการประกอบกิจกรรมทางเศษฐกิจร่วมกัน โดยใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาตามมาตรฐานทางบัญชีอันเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject)” หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งสามารถถูกระบุตัวตนได้โดยข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
“บริษัท” หมายถึง บริษัท วันสเปซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม และ/หรือบริษัทในเครือกิจการและเครือธุรกิจเดียวกัน
“บริษัทย่อย” หมายถึง นิติบุคคลหรือบริษัทที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
“บริษัทร่วม” หมายถึง นิติบุคคลหรือบริษัทที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
“บริษัทใหญ่” หมายถึง นิติบุคคลหรือบริษัทที่มีลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังต่อไปนี้
“อำนาจควบคุมกิจการ” หมายถึง การมีความสัมพันธ์ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งดังนี้
2.1 ข้อมูลบุคคลทั่วไป
บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว
บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน ตามมาตรา 26 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดที่มีลักษณะเดียวกัน โดยบริษัทจะเข้าถึง เก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล เปิดเผยหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยความระมัดระวังตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด บริษัทจะแจ้งข้อมูลรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล และ/หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวต่อท่านก่อนหรือขณะที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลจากท่านภายใต้เงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดกฎหมาย
ท่านรับทราบว่า ในกรณีที่มีการกระทำความผิดตามกฎหมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดในทางแพ่งหรือทางอาญาหรือกฎหมายอื่นใด บริษัทมีสิทธิเก็บรวบรวมหรือใช้ข้อมูลการกระทำความผิดกฎหมายของท่านได้ โดยบริษัทจะเข้าถึง เก็บรวบรวม เปิดเผย หรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยความระมัดระวังตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
2.4 บริษัทเก็บรวบรวม ประมวลผล ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้จากบุคคลภายนอก
ท่านรับทราบและยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ประมวลผล ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า เพื่อป้องกันและรักษาความปลอดภัยของบุคคลทั่วไป และเพื่อปกป้องผลประโยชน์ได้เสียของบริษัท บริษัทได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัยภายในบริเวณบริษัท บริษัทหรือผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่บริษัทจัดหาอาจเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลข้อมูลจากภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และ/หรือเสียงของท่านและข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านใช้และเข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัท บริษัทอาจบันทึกเสียงบทสนทนาทางโทรศัพท์ เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการ รวมทั้งเพื่อการประชาสัมพันธ์
บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทรวบรวมจากท่านโดยตรงหรือเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลภายนอกตามที่ระบุไว้ในข้อ 2. ในการให้บริการ การปฏิบัติตามสัญญา การปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุในข้อ 4.
บริษัทใช้ขั้นตอนการตัดสินใจอัตโนมัติที่จะประมวลผลข้อมูลของท่านผ่านระบบคอมพิวเตอร์ในบางกรณี เช่น บริษัทอาจประเมินข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับการให้บริการหรืออื่น ๆ ท่านอาจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโดยติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดที่กำหนดในข้อ 11.
บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้:
อนึ่ง ในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน หรือเพื่อใช้ในการดำเนินตามคำขอใช้บริการของท่านก่อนเข้าทำสัญญากับบริษัท หากปรากฏว่าท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท อาจส่งผลกระทบให้บริษัทไม่อาจปฏิบัติตามสัญญาหรือให้บริการแก่ท่านอย่างถูกต้องครบถ้วนตามที่กำหนดในสัญญาต่อไปได้
บริษัทอาจต้องเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวโดยอาศัยฐานทางกฎหมาย ซึ่งกำหนดให้บริษัทมีสิทธิดำเนินการได้ ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงฐานดังต่อไปนี้ หรือโดยได้รับความยินยอมจากท่านโดยชัดแจ้ง:
ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโดยการติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อบริษัทเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่านเมื่อท่านได้ให้ความยินยอม ท่านอาจเพิกถอนความยินยอมได้ ณ เวลาใด ๆ โดยติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามรายละเอียดที่กำหนดในข้อ 11. หากท่านเพิกถอนความยินยอม บริษัทยังอาจต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเพื่อปกป้องประโยชน์ได้เสียของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะอธิบายให้ท่านทราบในเวลาที่มีการเพิกถอนความยินยอมว่า ข้อมูลใดที่บริษัทยังคงมีหน้าที่ในการเก็บรวบรวมหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติตามกฎหมาย
นอกจากนี้ บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เพิ่มเติมที่สอดคล้องหรือเป็นไปในทำนองเดียวกับวัตถุประสงค์ที่ระบุข้างต้น รวมทั้งวัตถุประสงค์ในการทำการวิจัยทางประวัติศาสตร์ สถิติ หรือวิทยาศาสตร์ เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูล (archives) เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ในกรณีที่เป็นไปได้ บริษัทจะไม่ใช้ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าวข้างต้น หรือ บริษัทจะดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อจำกัดขอบเขตของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะใช้ในการทำการวิจัยหรือจัดเก็บข้อมูลสำรอง รวมทั้ง บริษัทอาจใช้ข้อมูลนามแฝง (pseudonymous) เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญในการทำให้มั่นใจถึงการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ บริษัทพยายามที่จะจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บุคคลที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่มีอยู่ พนักงาน บุคลากรของบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน และ/หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท รวมทั้งบุคคลภายนอกที่มีสัญญาให้บริการแก่บริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นและคู่สัญญาอื่น ๆ ที่กระทำในนามบริษัทจะเป็นผู้ได้รับและเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทเหล่านั้นเท่าที่จำเป็นเพื่อประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการให้บริการแก่ท่านและเพื่อปกป้องส่วนได้เสียของบริษัทเท่านั้น และตกลงที่จะป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากการใช้ การเข้าถึงหรือการเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ท่านอาจติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียดที่กำหนดในข้อ 11. เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของผู้ให้บริการที่บริษัทจะมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ทราบ บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลการติดต่อของท่านในสมุดรายชื่อเจ้าหน้าที่ให้แก่พนักงานของบริษัทและบุคคลทั่วไป อย่างไรก็ตาม ท่านมีสิทธิขอให้ลบข้อมูลของท่านออกจากบริษัท ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข ระยะเวลาที่บริษัทกำหนด
บริษัทอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แก่บริษัทอื่นใดหรือหน่วยงานใด ๆ เช่น หน่วยงานราชการ หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแลการให้บริการ หรือหน่วยงานกำกับดูแลบริษัท หรือหน่วยงานที่บริษัท เป็นสมาชิก หน่วยงานราชการที่ควบคุมในเรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ภาษี ความมั่นคงของชาติและอาชญากรรม ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อดำเนินกิจการของบริษัท หรือการดำเนินกิจกรรมร่วมกัน การเดินทาง การจัดงานร่วมกัน และการวิจัย
นอกจากนี้ ท่านตกลงยินยอมให้บริษัทเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน หรือพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการกิจการของบริษัท เพื่อการปฏิบัติตามนโยบายของบริษัท เพื่อปฏิบัติตามสัญญาหรือให้บริการระหว่างบริษัทกับท่าน เพื่อปกป้องประโยชน์ได้เสียหรือสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือประกาศที่บริษัทจะกำหนดเป็นกรณี ๆ ไป
บริษัทขอเรียนให้ท่านทราบว่า เว็บไซต์ของบริษัทจะมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สามซึ่งเว็บไซต์เหล่านั้นอาจมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างจากของบริษัท ท่านจึงควรศึกษานโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์นั้น ๆ เพื่อเข้าใจถึงรายละเอียดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อตัดสินใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ทั้งนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดจากการกระทำของเว็บไซต์ของบุคคลที่สามทุกกรณี
บริษัทอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจการของบริษัทเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ท่านตกลงและยินยอมให้บริษัทส่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกนอกประเทศไทยไปยังบุคคลหรือหน่วยงานที่อยู่ในประเทศอื่น หรือภายใต้เขตอำนาจกฎหมายของประเทศอื่น ไม่ว่ากฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในประเทศนั้นอาจถึงเกณฑ์หรือไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐานของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทจะปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสมในการคุ้มครองรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระดับเดียวกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย
เพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารจัดการของบริษัท เพื่อการป้องกันความเสี่ยงอันอาจทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลถูกเข้าถึงโดยมิชอบ รั่วไหล ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข สูญหาย บริษัทได้จัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด บริษัทถือปฏิบัติตามนโยบายความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการรักษาความปลอดภัยสารสนเทศที่เป็นที่ยอมรับ และการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ
บริษัทมีมาตรการปกป้องความเป็นส่วนตัวของท่าน โดยการจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จะกำหนดให้เฉพาะบุคคลที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวในการนำเสนอสินค้าและ/หรือบริการของบริษัท เพื่อการให้บริการของบริษัท และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดในข้อ 4. ข้างต้น เช่น พนักงานบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลที่บริษัทอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลนั้น จะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท อย่างเคร่งครัด ตลอดจนการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยบริษัทมีมาตรการป้องกันทั้งทางกายภาพและทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปตามมาตรฐานการกำกับดูแลที่บังคับใช้เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
เมื่อบริษัททำสัญญา หรือ ข้อตกลงกับบุคคลที่สาม บริษัทจะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล การรักษาข้อมูลที่เป็นความลับที่เหมาะสม เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความจำเป็นและภายใต้กรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ท่านสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาที่บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดที่กำหนดในข้อ 11.
ในเวลาใดก็ตาม ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน:
ทั้งนี้ การใช้สิทธิของท่านจะต้องอยู่ภายข้อกำหนด ประกาศ ระเบียบที่บริษัทกำหนด ซึ่งจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท และหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่บริษัทกำหนด โดยในการใช้สิทธิข้างต้น ท่านจะต้องส่งคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษรมายังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทตามรายละเอียดที่กำหนดในข้อ 11. ของประกาศฉบับนี้ และการพิจารณาคำร้องดังกล่าวเป็นดุลยพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว คำวินิจฉัยของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคำร้องขอใช้สิทธิของท่านถือเป็นที่สุด
ทั้งนี้ ในกรณีที่ท่านขอให้บริษัท ลบ ทำลาย จำกัดการเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผลหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ชั่วคราว แปลงข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หรือถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการแก่ท่านได้
หากท่านไม่ประสงค์ให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ ประมวลผล หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอีกต่อไป ท่านสามารถเพิกถอนความยินยอมได้โดยการทำคำร้องแจ้งมายังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไข ข้อกำหนด ประกาศ หรือระเบียบที่กำหนดในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท และหลักเกณฑ์อื่น ๆ ที่บริษัทกำหนด
อนึ่ง การถอนความยินยอม อาจทำให้เกิดข้อจำกัดกับบริษัทในการทำธุรกรรมหรือให้บริการแก่ท่านได้
หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิตามที่กำหนดในข้อ 9. หรือต้องการเพิกถอนความยินยอมในข้อ 10. หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามรายละเอียดด้านล่างนี้
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่อยู่ : บริษัท วันสเปซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด 1768 อาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ ชั้น 16 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
หมายเลขโทรศัพท์ : 0 2257 7000
อีเมลแอดเดรส : hi@onespace.co.th
เว็บไซต์ : www.onespace.co.th
กรณีที่ท่านเป็นบุคคลธรรมดาและมีอายุยังไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย ท่านยืนยันว่า ท่านมีอายุเกินกว่า 15 ปี และสามารถทำนิติกรรมและการใด ๆ ซึ่งต้องทำเองเป็นการเฉพาะตัว หรือเป็นการสมแก่ฐานานุรูปแห่งตนด้วยตนเองได้โดยมีผลผูกพันตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการซื้อสินค้า หรือใช้บริการใด ๆ จากบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน และการรับทราบและยอมรับที่จะปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้
กรณีที่ท่านเป็นบุคคลธรรมดาที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ท่านยืนยันว่าท่านได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายในการซื้อขายสินค้า หรือใช้บริการใด ๆ จากบริษัท บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทในเครือกิจการหรือเครือธุรกิจเดียวกัน โดยท่านและผู้แทนโดยชอบธรรมตามกฎหมายของท่านรับทราบและยอมรับที่จะปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ และยินดีส่งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้แก่บริษัทตามที่บริษัทร้องขอ
บริษัทขอสงวนสิทธิในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตามที่เห็นสมควร รวมถึงในกรณีที่เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย นโยบายของรัฐบาล กฎ ประกาศ ระเบียบ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ บริษัทจะประกาศในเว็บไซต์ของบริษัทที่ www.onespace.co.th ซึ่งการแก้ไขเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลทันทีเมื่อมีการประกาศลงในเว็บไซต์ และท่านรับทราบและยินยอมปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับแก้ไขทุกประการ ท่านควรตรวจสอบและอ่านรายละเอียดของนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประกาศในเว็บไซต์เป็นประจำ
ทั้งนี้ ให้ยกเลิกประกาศที่ 1/2566 และให้ประกาศฉบับนี้มีผลนับแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง